วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

[Food Review] อร่อยฉีกกฏ กับ "กุ้งถัง ภูเก็ต"

ตอนแรก ก็คิดแล้วคิดอีกว่า เอ .... ถ้าเราไปนั่งกินร้านของลูกค้าเรา แล้วเราเอามา Review มันจะทำให้ผู้อ่านเชื่อเราหรือเปล่าน๊า แล้วเราจะกลายเป็น Blog รับจ้างไปหรือเปล่า

แต่มาคิดอีกที เออ ถ้าลูกค้าเราไม่อร่อยจริง ไม่เจ๋งจริง เขาคงไม่ซื้อโปรแกรมห้องอาหารจากเราไปใช้แล้วละ แล้วตอนที่มาติดตั้งโปรแกรมที่ "กุ้งถัง ภูเก็ต" กลิ่นมันก็ยั่วใจเหลือเกิน

พอคิดได้อย่างงั้น ก็จัดการนัดแนะกันเลยครับ ตามแนวทาง กินเอง จ่ายเอง จะได้เขียนได้ดังใจตัวเองต้องการ 

วันนี้ขออนุญาติใช้ Logo ของ All IT Center มาแปะลายน้ำภาพแทนนะครับ คุณไม่ได้เข้ามาผิด Blog แน่นอนครับ ที่นี่ ยังเป็น Blog ของ thiticgi เหมือนเดิม


ถ้าเป็นที่กรุงเทพ ผมเชื่อว่า "กุ้งถัง" อาจจะถือเป็นชื่อที่ติดปากกันพอสมควรเลยทีเดียวครับ แต่ที่ภูเก็ตถือเป็นร้านน้องใหม่ที่กระแสแรงมาก คนแน่นร้านแทบทุกวัน เพราะถือเป็นร้านอาหารแนวใหม่ ที่คุณไม่ต้องนั่งพิถีพิถัน พิธีรีตอง แบบ ตักอาหารใส่จานรอง รวบส้อม หั่นด้วยมีด หรือแยกช้อนคาว ช้อนซุบให้วุ่นวาย


เมื่อคุณนั่งประจำโต๊ะ ทางร้าน จะปูด้วยกระดาษรอง แล้ว "เท" อาหารหลักลงบน "โต๊ะ" กันแบบนี้เลย !!! คุณอ่านไม่ผิดครับ "เทลงบนโต๊ะ" ไม่ต้องหาว่าจานอยู่ที่ไหน ช้อนส้อมอยู่ตรงไหนครับ ไม่มีครับ "เท" กันแบบให้เห็นๆ แบบนี้เลย อาหารจานหลักมีให้เลือกหลายแบบครับ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งถัง ชุดรวมซีฟู๊ด หรือใครจะสั่งเดี่ยวๆ อย่างกุ้งแม่น้ำ หรือหอยแบบต่างๆ เขาก็มีให้เลือกครับ โดยหลังจากที่เลือกแล้ว ก็จะมีซอสให้เลือก 2 แบบ คือ Bang Bang เป็นซอสรสชาติต้นตำหรับของ "กุ้งถัง" และ ซอสกระเทียมพริกไทยดำ ที่เพิ่มความเข้มข้นของอาหารทะเลได้เป็นอย่างดี เลือกระดับความเผ็ดของซอสได้ถึง 5 ระดับกันเลยทีเดียวครับ


ผมชอบทริกสุดท้าย ของการเทอาหารลงบนโต๊ะ ตรงหยดซอสครับ ซึ่งสำหรับผมมองว่า กลายเป็นจุดขายที่ทำเหมือนกับง่ายๆ แต่กลายเป็นศิลปะบนโต๊ะอาหารได้เป็นอย่างดี ถ้าดูเผินๆ เหมือนเขาเอาถุงใส่อาหารหลักมาเทลงบนโต๊ะ และก็เทซอสตามลงมาเฉยๆ แต่หากดูให้ดีๆ วิธีเทซอสตอนสุดท้าย จะเทเป็นจังหวะ เวียนเป็นวงกลม ซึ่งให้ภาพออกแนวอาหารตะวันตกได้อย่างสวยงามครับ


ข้อดีของที่ "กุ้งถัง ภูเก็ต" สำหรับผมมองว่า น่าจะอยู่ที่ความสดใหม่ของอาหารเป็นหลักครับ ทุกๆ เช้า จะมีสินค้าเข้ามาส่งที่ร้านกันทุกวัน อันนี้ที่ได้เห็นเพราะมีโอกาสได้แบกลังกุ้ง ตอนมาติดตั้งโปรแกรมด้วยตัวเองครับ และไม่ต้องคิดว่า จะค้างวัน เพราะจริงๆ ร้านเปิดตั้งแต่ 16:00 - 23:00 แต่ประมาณ 3 ทุ่ม อาหารก็จะหมดหลายรายการเลยเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะเขาสั่งมาน้อยนะครับ แต่ต้องยอมรับว่า ลูกค้าเข้ามามากจริงๆ ถ้าใครเป็นภูมิแพ้ อาจจะกังวลกับการเกิดสารกระตุ้นฮีสตามีนของอาหารทะเลที่ถูกทิ้งข้ามวันละก็ หมดความกังวลใจได้เลยครับ


วันนี้ผมและทีม เราสั่งชุดซีฟู๊ดรวมครับ และมากันตั้งแต่ 17:00 เลย เพื่อจะได้ชัวร์ว่า เราได้กินทุกรายการแน่ๆ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแม่น้ำ กุ้งขาว ปู หอยตลับ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ มากันครบเลยทีเดียว


และหลังจากระดมเร่งถ่ายรูป ท่ามกลาง น้ำลายที่ไหลรอ ของเหล่าบรรดาสมาชิก ก็ได้เวลารับประทานกันแล้วครับ ไม่ต้องถามจานรอง ไม่ต้องถามช้อนครับ มือจับ แกะ ปอก ตอก สับ กันตรงนั้นเลยทีเดียว อ่างล้างมือตั้งอยู่ใกล้ๆ จะรออะไรครับ


นอกจากชุดอาหารหลักแล้ว ยังมีอาหารเครื่องเคียงทั้งหลายด้วยครับ วันนี้เราสั่งมาทดลองกันไม่กี่รายการ แต่ก็ถือว่า ok เลยครับ อย่างแรกกับไส้กรอก ซึ่งจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จัดมาพอสุกหอมในสไตท์ไส้กรอก รมควัน


ถัดมากับเฟรนฟราย เสริฟมาในถัง พร้อมซอสมะเขือเทศครับ


และอันนี้ ถือเป็นตัวเด็ดอีกอย่างครับ กับคอร์นชีส ซึ่งจะเป็นข้าวโพด อบกับชีส ด้วยรูปแบบเฉพาะ ที่ไม่ได้ทำให้ชีสละลายทั้งหมด แต่จะพอยืดๆ หนึบ ตอบรับกับรสหวานของข้าวโพดที่เสริมกับกลิ่นหอมนมอ่อนๆ ของชีสที่ผสมกันได้อย่างลงตัว


และอีกรายการกับปีกไก่บน เสริฟมากับน้ำจิ้มไก่ครับ จริงๆ มีอีกรายการคือ ชีสบอล แต่อันนี้ถ่ายไม่ทัน กับเหล่าสมาชิก

เอาเป็นว่า ถ้ายังไม่ได้ลอง แนะนำให้ไปลองครับ หากอยากลองให้ครบเครื่องไม่แนะนำให้ไปติดค่ำมาก เพราะอาหารบางอย่าง อาจจะหมดได้ รวมถึง บางทีอาจจะต้องมีรอคิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงตั้งแต่ 3 ทุ่มเป็นต้นไป

อร่อยจนต้องรอคิวแบบนี้ จะช้าทำไมครับ ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก Facebook หรือ ไปลองดูกันเลย ตามแผนที่ข้างล่างครับ


วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

[Food Review] จิบกาแฟ สัมผัสธรรมชาติ ทีี่ "Tree Fresh Coffee ณ บ้านริมเขา"

มาแร้ว.ว.ว......

รอบนี้ไปนั่งพักผ่อนสบายๆ บรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติกันที่ "Tree Fresh Coffee ณ บ้านริมเขา" กับร้านกาแฟแนวสบายๆ ภายใต้ต้นไม้ร่มรื่นเข้าไปทางโรงเรียนนานาชาติ บริติช ภูเก็ต ประมาณ 3 กิโลเมตรสังเกตุฝั่งขวามือ จะเจอร้านเล็กๆ สีสดใสแบบนี้ระหว่างทางครับ


เข้ามาในร้านปุ๊บ ก็จะเจอขนมหลากหลายรายการให้ได้ลองชมก่อนครับ ทั้งคุ๊กกี้ เค๊ก ช๊อกบอล และอื่นๆ ให้ได้เสริฟคู่ความอร่อยกับกาแฟ


ราคากาแฟที่นี่อยู่ในราคาฐานปกติทั่วไปครับ อย่าง เอสเพรสโซ่ร้อน ก็ราคาแก้วละ 40 บาท ส่วนอื่นๆ ก็ตามลำดับไปครับ


แน่นอน ถ้าเราไปชิม ต้องมี ตระกูล "เค๊ก" มาก่อนครับ ชิ้นแรกกับ "เค๊กบราวนี่" เค๊กแบบดาร์กช็อคโกแลต หวานนิด ขมหน่อย แป้งด้านนอกกรอบบางเบา ด้านในนิ่มในแบบของ บราวนี่


ชิ้นต่อมากับ "เค๊ก ช๊อกโกแลต" เนื้อเค๊กช๊อกโกแลต สลับชั้นกับครีมนุ่ม โรยหน้าด้วย แผ่นช๊อกโกแลตขูดผิวบาง หวาน หอม และกรุบกรอบแผ่นช๊อกโกแลตโรยหน้า


แต่โดยภาพรวม "เค๊ก" ติดรสหวานไปนิดหนึ่งครับ ซึ่งหากคนที่ทานขนมหวานทั่วไป ก็ต้องเรียกว่า "พอดี" ครับ แต่พวกเราทานต่อเนื่องกัน เลยทำให้รสติดหวานไปซักนิด


บรรยากาศภายในร้าน ถือว่า ตกแต่งได้สวยมากๆ ครับ เหมาะกับมานั่งพักผ่อนชิวๆ ได้อย่างดี ในร้านเน้นโทนเหลือง น้ำตาล ให้ความอบอุ่น สบายใจได้ลงตัว


วันนี้ นอกจากจะแวะมาทานกาแฟกันแล้ว จริงๆ เราแวะมาทานอาหารเที่ยงกันด้วยครับ ที่ "Tree Fresh Coffee ณ บ้านริมเขา" นอกจากเพลิดเพลินกันในมุมกาแฟแล้ว เรายังสามารถเดินทะลุมายังส่วนของร้านอาหารได้ด้วย ซึ่งต้องกระซิบดังๆ ว่า ในร้านว่าเด็ด ด้านหลังของร้านเด็ดกว่ามาก!!!


ด้านหลังเหมาะมากกับคนที่ชอบบรรยากาศแบบ open-air ครับ มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน ป่าไผ่ ซึ่งคุณน้องเจ้าของร้านบอกว่า ถ้าน้ำหลาก จะมีน้ำเยอะเหมือนกัน


เราไปที่ร้านแห่งนี้กันช่วงเที่ยงครับ แต่การที่ทำเล เป็นป่าไผ่ บวกกับมีน้ำไหลผ่านด้านหลัง ทำให้ได้เปรียบเรื่องอุณหภูมิอย่างมาก ให้ความรู้สึกสบาย ถึงแม้ไม่เปิดแอร์ เรียกได้ว่า ทุกโสตได้รับความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ทั้งตาที่ได้สีเขียวของป่า และหูจากเสียงน้ำไหล ... ถ้าจะสรุปให้เข้าใจความรู้สึกได้ง่ายๆ ละก็ ต้องบอกว่า แทบจะเอาเสื่อมาปูนอนครับ ^_^


วันนี้เราสั่งบะหมี่ต้มยำ และก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ เย็นตาโฟมาลองกันครับ ต้องยอมรับว่า ต้มยำที่นี่หอมมากครับ รสชาติเข้มข้นกำลังดี แทบไม่ต้องเติมอะไรเพิ่มอีกครับ แต่จุดเด็ดของบะหมี่ที่นี่คือ มีเครื่องเคียงเยอะมาก รวมถึงที่เจ๋งกว่านั้นคือ มีหมูแผ่น แบบ "หมูชาชู" แบบที่เราเห็นกันในชามของราเมงนะละครับ ตรงนี้ถือว่าถูกใจมาก เพราะเนื้อหมูเต็มคำ นุ่มเต็มปาก


สำหรับเย็นตาโฟ จะเป็นแนวต้มยำเย็นตาโฟครับ ซึ่งจะเป็นรสฐานแบบเย็นตาโฟ แต่เพิ่มความแซ่บในแบบต้มยำเพิ่มลงไป

ถ้าอยากรู้ว่า รสชาติมันจะเจ๋งขนาดไหน ไปลอง ไปโดนกันได้ที่ "Tree Fresh Coffee ณ บ้านริมเขา" หรือ ลองจิ้มไปที่ Facebook ของร้านกันก่อนก็ได้นะครับ

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[Food Review] นั่งกินข้าว เอาเท้าราน้ำ .. ที่ "บ้านกระต่าย แอดเวนเจอร์" เชียงใหม่

วันนี้พามากินกันไกลถึง เชียงใหม่ครับ
รอบนี้ได้คุณเพื่อนสุดน่ารักของเราเป็นไกด์นำทางให้ หลังจากที่เราไปไหวพระขอพรกันแล้ว คุณเพื่อนก็บอกกับเราว่า "เดี๋ยวจะพาไปนั่งแช่เท้า กินข้าวเที่ยงกัน" 


ตอนแรกก็คิดว่า สงสัย เขาจะพาไปสปา แล้วก็ทานข้าวละมั้ง แต่เขาบอกว่า ร้านที่จะพาไปเนี๊ยะ มันชื่อ "บ้านกระต่าย แอดเวนเจอร์" เขาเองก็ยังไม่เคยไปเหมือนกัน แต่ร้านนี้น่าสนใจ งั้นจะช้าทำไมละครับ ใจง่ายอยู่แล้วละ .... ไปโลด...


ที่ว่า "เอาเท้าแช่น้ำ" เพราะว่า ที่นี่ เขาเอาโต๊ะทานอาหารลงไปวางในคลองเลยครับ
ที่นี่ จะมีคลองตื้นๆ พอขนาดที่เด็กๆ เล่นน้ำได้ แล้วก็มีโต๊ะวางเรียงกันในคลองแบบนี้ครับ ซึ่งวันอาทิตย์โอกาสที่จะได้ลงไป บอกได้เลยว่า "ยาก" มากๆ พวกเราเอง ก็นั่งริมคลองครับ ก็ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบ ไม่ร้อน มีลมเย็นๆ ตามธรรมชาติพัดเบาๆ ตลอดเวลาแบบไม่ต้องง้อพัดลม


การสั่งอาหารก็เริ่มขึ้นครับ อย่างแรกที่มาถึงโต๊ะ เป็นกาแฟเย็น ในแบบกาแฟสดครับ ซึ่งหอมและเข้มข้นมาก แต่ไม่มีเมนูกาแฟร้อนครับ งานนี้ ก็เลยให้คุณภรรยาสั่งทานไปตามสบายเพราะไม่สันทัดเท่าไหร่


เมนูถัดมา ซึ่งเร็วมาก เสริฟหลังจากสั่งไม่เกิน 5 นาที คือ "ต้มแซ่บเอ็นหมู" ซึ่ง เป็นเมนูที่ "รับประกันว่าเด็ด" กันตั้งแต่เมนูแรกเลยครับ รสชาติจัดจ้านมาก แซ่บสุดยอด


และที่เจ๋งกว่านั้น คงจะเป็น "เอ็นหมู" ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เคยทานเอ็นหมูแบบนี้ครับ เอ็นหมู ที่นี่จะไม่เหนียว หรือเน้นเคี้ยวหนึบหนับครับ เพราะเมื่อเราทานเข้าไปแล้ว มันจะหอมและแทบละลายในปากเลยทีเดียว เมื่อทานควบคู่กับน้ำต้มแซ่บยิ่งทำให้รสชาติของเอ็นโดดเด่นมากขึ้นไปอีก ชนิดที่ เข้าปากเข้าไปคำแรกก็ "ใจละลาย"


เมนูถัดมา เป็น "ไก่ทอด" ครับ เมนูนี้ หากดู ก็เหมือนไก่ทอดทั่วๆ ไปครับ คือ ไก่ทอดเกลือแบบแห้งๆ เสริฟมาพร้อมน้ำจิ้ม แต่อยากกระซิบว่า เมื่อคุณสั่งเมนู "ไก่ทอดเกลือ" ของที่นี่ ต้องทานกับน้ำจิ้มเท่านั้น!!

เชื่อว่าหลายคน น่าจะกินไก่ทอดคล้ายๆ กับผมคือ กินไก่ทอดเฉยๆ น้ำจิ้ม ไม่ค่อยสนใจ ถ้ารสของไก่ทอดมันโอเคแล้ว แต่ไก่ทอดที่นี่ จะต่างกันออกไปครับ เพราะเรามาเจอว่า เมื่อเอาน้ำจิ้ม ราดเบาๆ บนเนื้อไก่ จะทำให้รสมันโดดเด่นมากขึ้น เพราะน้ำจิ้มที่นี่ ทำรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ให้พอเหมาะกับการเสริฟพร้อมกับไก่ทอดโดยเฉพาะ


เมนูถัดมาเป็นส้มตำไทยปูครับ ... อันนี้ รสชาติถือว่า ทั่วไปครับ ยังไม่มีอะไรโดดเด่นกว่าปกติเยอะนัก


เฟรนฟราย รายการของทานเล่นของคุณภรรยา อันนี้ เป็นแบบเฟรนฟรายชิ้นใหญ่ ข้อดีคือ ด้านนอกจะกรอบ แต่ด้านในจะนุ่ม เสริฟพร้อมกับซอสมะเขือเทศและมายองเนสในถ้วยเดียวกัน


ตบท้ายด้วย ยำหมูย่าง ครับ ซึ่งถือว่าถูกมากครับ เมื่อเทียบปริมาณกับราคา แต่อันนี้ก็ถือว่าไม่โดดเด่นซะทีเดียวครับ


โดยสรุป หากต้องการนั่งพักผ่อนสบายๆ เป็นอีกร้านหนึ่งที่แนะนำเลยครับ สำหรับร้านอาหารในเชียงใหม่ เพราะ บรรยากาศดีมากๆ รวมถึงราคาที่ถูกจนเหลือเชื่อ เพราะทั้งหมดที่เห็นนี้ สนนราคาเพียง 460 บาทเท่านั้นเอง ทานกัน 3 คน อิ่มจนแน่นท้องกันเลยทีเดียวครับ

แต่หากพูดถึงงานบริการของพนักงาน ถ้าคุณไม่ติดยึดมากเกินไป ประเภทต้องมีคนพูดหวาน เสริฟน้ำตาลให้ ถ้าเน้นแนวนี้ ไม่แนะนำครับ อาจจะด้วยสาเหตุที่ราคาอาหารถูก และระยะทางห้องครัวถึงแต่ละโต๊ะค่อนข้างไกล พนักงานก็คงจะเหนื่อยหอบกันเป็นธรรมดา โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

แต่หากถามผมว่า หากได้ไปอีกจะไปไหม ตอบเลยครับ ไปแน่นอน บรรยากาศแบบนี้ ราคาสุดประหยัดแบบนี้ ไม่มีพลาดครับ

อยากไปลอง อยากไปโดน ลองดูข้อมูลกันที่ Facebook ของร้านครับ
หรือ ไปกันให้ถึงที่ ถึงถิ่น ตามแผนที่ด้านล่างเลยครับ

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

[Food Review] หรอยอย่างเมืองคอน ที่ บ้านสวนช่องเขารีสอร์ท นครศรีธรรมราช

วันนี้พาไปกินกันไกลถึงนครศรีธรรมราชครับ กับร้านอาหารเล็กๆ ในโรงแรม "บ้านสวนช่องเขารีสอร์ท" ซึ่งก็ถือว่าเป็นครั้งแรกเลย กับมื้ออาหารในจังหวัดนี้ครับ ^_^


ที่นี่ จะออกห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับที่พักนั้น ถือว่า อยู่ระดับ "ใช้ได้" ครับ บรรยากาศร่มรื่น แต่การบริหารจัดการภายในห้องพัก ถือว่า ยังไม่ดีนัก เพราะในห้องค่อนข้างอับ และมีกลิ่นเชื้อราในบางจุด เนืื่องจากห้องพักอยู่ในป่า ทำให้มีความชื้นค่อนข้างมากครับ ตรงนี้ เลยถือเป็นจุดเสียพอสมควร

แต่วันนี้ เรามาแนะนำในส่วนอาหาร ซึ่งถือว่า ทำได้ดีมากครับ บรรยากาศร่มรื่น ตัดกับโต๊ะสีฟ้าอมเขียว อากาศเย็นสบาย แบบไม่ต้องวิ่งเข้าไปนั่งในห้องแอร์


สำหรับการจัดการอาหารถือว่าทำได้ดีมากครับ อาหารออกเร็วมาก รสชาติอาหารโดยรวมถือว่า อร่อยมากๆ เลยทีเดียว ไปดูกันว่า เราได้ลองเมนูอะไรกันบ้าง


เมนูแรกกับ "กระเพาะปลาผัดแห้ง" ครับ สำหรับจานนี้ ถือว่าอร่อยมาก หากเทียบรสชาติอาจจะติดไปคล้ายกับ ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว แต่หอม และนุ่มกว่ามาก


เสริมรสชาติ ด้วยซอส "จิ๊กโฉ่ว" ช่วยเพิ่มความหอม และรสได้ลงตัว


เมนูถัดมา เป็น "น้ำพริกกุ้งเสียบ" อันนี้ ผมไม่แน่ใจว่า เป็นต้นฉบับของนครศรีธรรมราชหรือว่า เขาทำแบบนี้ของเขากันแน่นะครับ เพราะ เอาจริงๆ สำหรับพวกเราแล้ว ต้องบอกว่า นี่มัน "น้ำพริกกะปิ โรยหน้ากุ้งเสียบ" ชัดๆ เลย
ถามว่า อร่อยไหม ผมต้องบอกว่า หากพูดในฐานะ "น้ำพริกกะปิ" ก็ถือว่า อร่อยครับ ยิ่งผักเคียงที่เสริฟมา ก็เข้ากันดี โดยเฉพาะยอดมะม่วงหิมพานต์ ที่อมฝาดเล็กน้อย แต่ก็เข้ากันดีกับน้ำพริกถ้วยนี้ครับ

แต่หากจะกิน "น้ำพริกกุ้งเสียบ" ในแบบฉบับคนภูเก็ตละก็ จานนี้ มันไม่ใช่ นะจ๊ะ ^_^


และแล้ว ก็มาถึง เมนูนี้ "รับประกันว่าเด็ด" กับ "แกงส้มปลากระพง" ครับ ถ้ามาถึงที่นี่แล้ว ไม่ได้สั่ง ถือว่าน่าเสียดายมาก รสชาติเด็ดขาดมากจริงๆ ถึงรส ถึงเครื่องแบบแกงใต้กันเลยทีเดียว เนื้อปลานุ่ม สด หวานมาก เสริมกับยอดมะพร้าวอ่อนกำลังดี แต่หากเป็นคนไม่ทานเผ็ด รีบบอกคนรับรายการอาหารกันรัวๆ เลยนะครับ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน !!


และเมนูสุดท้ายกับ "ปลาทรายทอดขมิ้น" อันนี้ ก็ถือว่าทำได้ดี ทอดปลาได้กรอบ หอมขมิ้นอ่อนๆ เสริฟพร้อมน้ำจิ้มสองแบบ ทั้งแบบซอสพริก และน้ำจิ้มแบบยำ ให้ได้เลือกทาน

เมนูนี้ ผมแนะนำให้ราดผสมกันดีที่สุดครับ เพราะว่า น้ำจิ้มแบบยำจะเปรี้ยวนำมากไปนิด ในขณะที่ปลาจะออกจืด ทำให้ไม่ค่อยเข้าถึงรสเท่าไหร่ แต่หากเอาซอสพริกผสมกับซอสยำ ราดแล้ว ก็ได้รสพอดีครับ


กว่าจะทานกันเสร็จก็ติดค่ำพอดี เลยได้ภาพมุมเล็กๆ ของร้านมา ซึ่งถ้าอยากผ่อนคลายพร้อมอาหารดีๆ ถือว่าเป็นอีกสถานที่ ที่แนะนำให้ลองกันครับ


ราคาอาหารเฉลี่ย จะตกอยู่ที่จานละ 100 - 150 บาท ตามมาตรฐานของร้านอาหารทั่วไปครับ ซึ่งก็รับได้หากเทียบกับวัตถุดิบ และรสชาติ

ถ้าผ่านไปตามทางหลวง 41 ของนครศรีธรรมราช ผมแนะนำว่า ลองหาอะไรทานกันดูนะครับ กล้ารับประกันว่า ร้านนี้ ไม่ผิดหวัง เรื่องรสชาติอาหารแน่นอนครับผม ^_^

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

Kaphu-Sino Coffee & Bar ร้านกาแฟ กับตอนที่ไม่ Review อาหาร

ร้านกาแฟเล็กๆ สบายๆ ร้านหนึ่งบนถนนดีบุกครับ
...
พูดกันตรงไปตรงมา ร้านนี้ เป็นร้านของเพื่อนผมครับ
...
และที่ยังไม่ Review อาหารว่า ที่นี่ อาหารดีแค่ไหน หรือมีอะไรเด่น เอาจริงๆ ก็มาจากเราไม่ได้เจอกันนานมาก หัวใจหลักของการมานั่งร้านกาแฟ เลยกลายเป็นการสนทนากันตามประสา เพื่อนเก่า เพื่อนแก่ กันไป

และสารภาพตามตรงว่า "ไม่ได้เอากล้องไป" .... เพราะ ตัดสินใจจะแวะแล้วก็เลี้ยวหัวรถตรงมากันเลยทีเดียว แต่หากใครสนใจอยากชมภาพสวยๆ แนะนำ Fan Page ภาพมืออาชีพ อย่าง Check in Chill Out ครับ เข้าไป Review มาแล้ว


ดังนั้น ภาพวันนี้ ว่าด้วยกล้องมือถือล้วนๆ เลยทีเดียว
...
คุณเพื่อนท่านนี้ เป็นอีกคนหนึ่งครับ ที่อยากบอกว่า ทำมันหลายธุรกิจ หลายกิจการเหลือเกินครับ ลองผิด ลองถูกมาเยอะมาก
...
หัวใจการสนทนาของเรา จึงเบนเข็มไปในเรื่องการ เรื่องงานกันเยอะทีเดียว ทำให้เราย้อนกลับมามองตัวเอง และสะท้อนไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ของคำว่า กิจการได้เยอะแยะมากมายครับ


มีคนหลายคน อยากจะผันตัวเองออกจากมนุษย์เงินเดือน ออกมาเป็น "เจ้าของกิจการ" อย่างเต็มตัว เพราะมองว่า ทำไมฉันต้องกินเงินเดือนไปวันๆ

ยิ่งมองเห็นคนอื่นทำแล้วประสบความสำเร็จเยอะแยะมากมาย ยิ่งมีความรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้ "กู" ก็ทำได้ จนลืมคิดไปว่า ... กว่าจะได้ภาพคำว่า "ประสบความสำเร็จ" ไอ้ที่เห็นยิ้มๆ กันอยู่นี่ ร้องไห้น้ำตาตกกันมามากขนาดไหน ไม่ค่อยจะมีใครรู้หรอกครับ

เพราะเวลาเป็น "เจ้าของกิจการ" ถ้าคุณเชี่ยวชาญเฉพาะทาง คุณเป็น "ลูกน้องมืออาชีพ" ครับ แต่เมื่อไหร่ที่ก้าวมาเป็น "เจ้าของกิจการ" คุณไม่ต้องรู้ลึกทุกอย่าง แต่ต้องรู้หลายอย่างแทน

และที่สำคัญกว่า คือ มี "ตา" และ "แนวคิด" ที่ไกลกว่าของที่อยู่ในมือ และต้องมี "หัวใจ" ที่แข็งแรง จึงจะสำเร็จครับ


องค์ประกอบของธุรกิจที่จะอยู่กับเราตลอดไป จึงมาจากองค์ประกอบหลักสองประการคือ สร้างรายได้ให้เรา และสร้างความสุข ให้เรา

ประโยคหนึ่งที่ผมถามคุณเพื่อนว่า "คิดยังไง มาทำร้านกาแฟที่นี่"
เขาบอกว่า "เอาจริงๆ เขาต้องการแค่ให้มันเลี้ยงตัวของมันเองได้ ตรงนี้ ไม่ต้องสร้างกำไรอะไรเยอะแยะก็ได้ แต่อย่างน้อยๆ ให้มีจุดที่ได้นั่งพักบ้าง"

"แต่ปลายทาง ของจุดหมายจริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่นี่ ตัวที่จะเป็นปลายทางของชีวิตจริงๆ มันอยู่ที่กิจการอื่น ที่นี่ จะเป็นตัวที่เอาไว้สร้างให้คนพักผ่อน เราเอง เหนื่อยมา เราก็ได้พักผ่อน"


สำหรับกิจการที่เพื่อความผ่อนคลายแบบนี้ แนวคิดแบบนี้ ถือว่ากลายเป็นข้อดีไปโดยอัตโนมัติ เพราะมันกลายเป็นว่า "ขาดทุนช่างแม่ง แต่เข้ามาต้องมีความสุข"

ผมนึกไปถึงคุณป้าทิพย์ รีสอร์ท บ้าน ณ บางช้าง ที่แกแซวกับผม "ที่นี่นะ ฉิบหายไม่ว่า ขอให้ได้หน้าไว้ก่อน" ... ซึ่งก็กลายเป็นจุดขายแบบฮาๆ ในสไตล์ที่ใครก็เลียนแบบแกไม่ได้

เพราะแนวคิดแบบนี้ มันจะทำให้ลูกค้าได้ความรู้สึก "พักผ่อน" มากกว่า การเน้นทำกำไร หรือหาจุดขาย จนลืมจุดประสงค์ของกิจการไป

... ร้านกาแฟ ที่ทำให้คุณเหมือนนั่งจิบกาแฟในบ้าน ...


Kaphu-Sino Coffee & Bar อาจเป็นร้านกาแฟที่คนหันมามองแล้วชอบในรูปแบบของร้าน หรือจะเป็นอาหารก็แล้วแต่

แต่สำหรับผมแล้ว Kaphu-Sino Coffee & Bar มันเป็นสถานที่ ที่ทำให้เราเหมือนนั่งกินกาแฟกับเพื่อนในบ้านหลังเล็กๆ

คุณไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ต้องห่วงเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติ อยากจะนั่ง อยากจะพิงหลัง นั่งฟังเพลงเบาๆ ปล่อยความคิดไปตามแรงลมเบาๆ ที่เป่าลงมาจากเพดาน

คำถามคือ ถ้าจะนั่งจิบกาแฟ มีอะไรมากกว่านี้ไหม ที่คุณต้องการ
ลองสัมผัสของจริงกันที่ร้านตามแผนที่ข้างล่าง หรือไปชม Fan Page ของเขากันเลยครับ