วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[พาเที่ยว] ตะลุย "สวนผึ้ง" ตอนที่ 2 - The Scenery Vintage Farm

หลังจากที่ปันใจไปเขียนเรื่อง "ราเม็งมาจิ" ในตอนที่แล้ว วันนี้ เราพากลับมาเที่ยวสวนผึ้งกันต่อครับ
วันนี้ เราจะไปต่อกันที่ "The Scenery Vintage Farm" หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว ที่ออกแบบให้เป็นฟาร์มเก่าๆ ฝั่งตะวันตก


ราคาบัตรเข้าชมที่นี่ สนนราคาอยู่ที่ 50 บาทครับ


ก่อนเข้าไปในฟาร์ม จะมีแอ่งน้ำเล็กๆ ให้เราล้างเท้า เอาเศษดิน สิ่งสกปรกออกจากรองเท้าก่อนครับ ตามด้วยการฉีด แอลกอฮอร์ ล้างมือ ซึ่งอันนี้น่าสนใจดีครับ แค่เอามือยื่นเข้าไป ก้านฉีด ก็จะถูกกดลงมาพ่นอัตโนมัติ


เวลาซื้อบ้ตร เขามีนมแพะ อัดเม็ด แบบนี้แถมมาด้วยครับ 1 บัตร ต่อ 1 ขวด ซึ่งปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้ลองแกะกินดูเลยครับ ว่ารสมันเป็นยังไง ^_^


บรรยากาศทั่วไป ก็จะออกแนวของเก่าๆ แบบ Vintage สมชื่อครับ


พอเดินเข้ามาเกือบในสุดของฟาร์ม ก็จะเจอร้านไอศกรีมนมแกะครับ ซึ่งก็มีทั้งแบบโคน และแบบถ้วย นอกจากนั้น ก็มีของขายทั่วไป เช่น นมแกะ อัดเม็ด คุ๊กกี้


ที่บัตรเข้าชม เขาก็จะมีส่วนลด ไอศครีม แบบโคนอยู่ด้วยนะครับ มี 3 รสให้เลือก เหมือน เดลีควีน เลยคือ วนิลา ช๊อกโกแลต และ ทูโทน (2 แบบรวมกัน) ทดลองสั่ง วนิลา กับทูโทน กันมาลองชิมครับ


คือ หากใครเคยทานนมแพะ น่าจะพอเดารสชาติมันออกนะครับ สิ่งที่ต่างจากไอศครีมทั่วไปคือ มันมีกลิ่นคาวของนมแพะอยู่ด้วย ข้อดีคือ มันเหมาะกับคนเป็นโรคภูมิแพ้ เพราะนมแพะต่างจากนมวัวตรงที่มันไม่สารก่อภูมิแพ้อยู่ด้วย แต่มันจะไม่คุ้นกับเราที่ทานนมวัวกันมาแต่ต้นครับ


บริเวณฟาร์มแกะครับ ตรงนี้ เราเดินเข้าไปชมแกะได้ด้วย แต่พวกเราแค่ยืนถ่ายรูปจากริมรั้วกันเฉยๆ เพราะยังมีตารางจะไปกันต่ออีก


บรรยากาศทั่วไปครับ







สรุปคือ ราคากับความคุ้มพอประมาณครับ เนื้อที่โดยรวมไม่ได้เยอะมากนัก แต่ก็พอเรียกเหงื่อได้บ้าง บรรยากาศโดยรวมดีครับ

ใครอยากไปสัมผัสด้วยตัวเอง ตามแผนที่ด้านล่างครับ


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[Food Review] "ราเม็งมาจิ" ราคาเบา อร่อยไม่เบา

ขอคั่นการตะลุยสวนผึ้ง ด้วย "ราเม็งมาจิ" อย่างด่วนครับ ....
หลังจากที่เจอร้านรสเด็ด อย่าง "ครัว จัดจ้าน" เราก็ยังไม่เจอร้านที่ถูกใจเลยครับ (ไม่ได้กินยากนะครับ แต่เน้น กินอร่อย)

เมื่อวาน มีโอกาสขับรถตระเวนกับคุณภรรยา ไปเที่ยวละแวกใกล้ๆ ที่พัก จนกระทั่งออกมาแถบ ถนนวรเดช ซึ่งเป็นถนนเลียบแม่น้ำแม่กลอง หรือหากจะถามคนละแวกนั้น ก็อาจจะเป็นทางไปตลาดตลาดโคยกี๊ครับ แล้วเราก็เจอกับร้าน "ราเม็งมาจิ" 


ถ้าเป็นสภาพรวม ร้าน "ราเม็งมาจิ" ไม่ได้เป็นร้านแนวหรู อยู่ห้องติดแอร์ อะไรหรอกครับ
ต้องบอกว่า เป็นร้านอาหารเล็กๆ ริมทางใกล้กับตลาด แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือการเอาใจใส่ ตกแต่งให้ร้านดูมีกลิ่นไอแบบญี่ปุ่น รวมถึงของตกแต่งน่ารักๆ ในร้าน ให้ความรู้สึกสบายๆครับ


ร้านนี้ เปิดเวลา 11:00 - 20:00 เว้นวันพุธครับ ซึ่งคาบเวลาก็รองรับ มื้อเที่ยง และมื้อเย็นพอดี


หลังจากก้นประทับกับเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เริ่มออเดอร์เมนูพื้นฐานกันก่อนเลยครับ ^_^


เมนูแรกกับไก่เทอริยากิครับ เป็นส่วนชิ้นเนื้อ หั่นขนาดประมาณ 2 คำ เนื้อนุ่ม ชุ่มซอส เทอริยากิ ครับ


ของทานเล่น จานต่อมา เป็นไก่จ้อ เสริฟพร้อมน้ำจิ้มบ๊วย สำหรับ 2 จานแรก ถือว่า รสชาติทั่วไปครับ คือ อร่อยเหมือนทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรที่พิเศษมากนัก หากเทียบกับร้านอื่นๆ


แต่นี่เลยครับ พระเอก ของงาน ราเม็งแบบซุปเข้มข้น สำหรับจานนี้ สนนราคาที่ 59.- ครับ ในถ้วยประกอบด้วย หมูชุบแป้งทอด (หมูทงคัทสึ) ชิ้นโตๆ 1 ชิ้น ไข่ต้มครึ่งฟอง และสาหร่ายวากาเมะ ปะหน้าเส้นราเม็งไว้แบบจุใจ ราดด้วนน้ำซุปแบบน้ำยำน้ำข้น ปรุงรสให้เข้มข้นแบบรสคนไทย แต่ไม่เผ็ดมาก รสชาติ ที่เสริฟไม่ต้องปรุงอะไรเลยครับ


ถ้วยต่อมา เป็นราเม็ง กุ้งเทมปุระ ซึ่งต่างกันกับถ้วยแรกตรงที่ เปลี่ยนจากหมูทงคัทสึ เป็นกุ้งเทมปุระครับ


เส้นราเม็งเหนียวนุ่มกำลังดี กับน้ำซุปแบบข้น พาชุ่มนุ่มลิ้น แกล้มกับความกรุบกรอบของกุ้งเทมปุระ หรือหมูทงคัมซึแล้ว ผมเองก็บรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว ต้องไปลองชิมกันเองครับ เพราะอร่อยมากจริงๆ


หลังจากอิ่มแล้ว ก็ลุกไปแอบถ่ายคนปรุงหน่อยครับ ^_^ ที่นี่ มีน้องปรุงกันแค่ 2-3 คน แต่บริการดีมากครับ บอกให้รู้ว่า เขาทำงานกันด้วยความสุข มากกว่า ที่จะทำเพราะมุ่งเน้นกันแต่ยอด

นี่เป็นหนึ่งในหัวใจคนทำงานจริงๆ ครับ เพราะหากทำอะไรด้วยความสุข คุณจะไม่เหนื่อยกับมันหรอกครับ และมีใจ มีไฟ ที่จะลุยมันต่อไป


ตอนนี้ เรายังเหลือ ราเม็งแบบซอสโชยุ กับแบบแกงกะหรี่ ที่ยังไม่ได้ลองทานครับ คุยกับกับคุณภรรยาว่า เราน่าจะอยู่กันอีกหลายวัน ต้องไปลองกันให้ได้อีกซักที แล้วยังไงจะเอามา Review ให้ดูกันอีกนะครับ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/RamenMachi

และดูแผนที่ ด้านล่างเลยครับผม



ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[พาเที่ยว] ตะลุย "สวนผึ้ง" ตอนที่ 1

หลังจากที่เสร็จสิ้นภาระกิจที่เมืองบางกอกกันแล้ว ผมและภรรยาก็มีตารางงานที่ต้องเดินทางไป นครปฐมต่อในอีกไม่กี่วัน เราก็เลยตกลงที่จะไปตะลอนกันที่ "สวนผึ้ง" กันครับ

หลังจากที่เดินทางจากกรุงเทพ ตั้งแต่ตอน 06:00 ก็มาถึงราชบุรีกันประมาณ 07:30 น. แวะนั่งทานโจ๊กหม้อดินกันในช่วงเช้่าครับ ซึ่งออกจะข้นๆ ไปซักนิด


หลังจากอิ่มสำราญกันดีแล้ว เราก็สอบถามไปยังที่พักครับ ตั้งใจจะพักกันในเมืองราชบุรี เพราะเราต้องไปต่อที่นครปฐม ปรากฏว่า เข้าห้องพักได้หลังบ่ายสอง เราก็เลย มุ่งหน้าตรงไปยังสวนผึ้งครับ


ที่แรกที่เราแวะกันเป็นแห่งแรกยามเช้าเลย ซึ่งเหมาะมากกับการขับรถมาร่วม 100 กว่ากิโลฯ ที่ร้านกาแฟ Moai Coffee ครับ ที่นี่ ออกแบบโดยเอาตุ๊กตา โมไอ ที่เป็นรูปแกะหินของเกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี มาเป็นตัวตกแต่งประดับครับ


มาถึงตอนเช้า ของวันทำงาน คนน้อยมากครับ อาจจะเพราะเรามาเช้าเกินไปหรือเปล่าไม่รู้ ผมสั่ง กาแฟเอสเพรสโซ อิตาเลียโน่ มา 1 แก้ว เพิ่มความกระชุ่มกระชวย ในการเดินทางต่อ

ซึ่งอันนี้ กัดตรงๆ เลยว่า ไม่อร่อยเลย 555 ไม่หอม และ Burn ไหม้ไปมากครับ ทำให้ขมอย่างเดียว กลิ่นหายเกลี้ยง


แต่ข้อดีคือ มีจัดบรรยากาศ และมุมให้ถ่ายภาพเยอะครับ สถานที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากครับ มีมุมเลี้ยงแกะเล็กๆ ด้านล่าง ซึ่งหากซื้อครบ 100 บาท เข้าฟรี 1 ท่าน เราไปกัน 2 คน ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก (เพราะหากกินกาแฟครบ 200 น่าจะไม่ต้องหลับ ต้องนอน)



ขับต่อไปอีกหน่อย เราตรงไปที่ ตลาดน้ำ Veneto ครับ ป้ายทางเข้าอลังการมาก

เข้าซอยมาประมาณ 50 เมตร จากป้ายด้านหน้าครับ


เดินเข้ามาด้านใน ตกแต่งโทนขาวฟ้าครับ ทำให้นึกถึง ซานโตรินี่ ชะอำ เลยครับ ได้บรรยากาศ คล้ายกันมาก

บัตรผ่านประตู คนละ 30 บาทครับ อยากบอกว่า ไม่แพงเลย กับสถานที่ด้านในครับ มีมุมถ่ายภาพเยอะมาก

ได้บัตรผ่านประตูมาแล้วครับ จะเห็นว่า ราคาบนบัตร 50 บาท แต่ตอนนี้ ทำ Promotion ครับ ^_^

บริเวณด้านใน ตกแต่งโทนขาวฟ้า ยิ่งให้ความรู้สึกคล้ายกันกับ ซานโตริโน่ มากๆ





แต่ข้อได้เปรียบกว่า หากมาเทียบกับ ซานโตริโน่ คงจะเป็นที่มีพื้นที่สีเขียว และมีพื้นที่กว้างกว่าครับ ทำให้น่าเดิน น่าเที่ยวกว่ามาก


เสียดายที่มากันวันทำงาน และถึงที่นี่ตั้งแต่เช้า ร้านค้า เลยเปิดแค่ไม่กี่ร้านเท่านั้น แต่แค่เก็บภาพข้างนอก ก็คุ้มแล้วครับ









แขกมาแบบ ไม่ได้เชิญ วิ่ง ตุ๊บๆ มาเข้ากล้อง งั้นก็ถ่ายซะ !!! หนุุ่มหล่อแห่งตลาดน้ำ ^_^




จะว่าไป "สวนผึ้ง" ก็จะได้ความรู้สึกเหมือน เกาหลีใต้ อยู่อย่างนะครับ คือ สถานที่ท่องเที่ยว ทุกอย่าง ถูกสร้างขึ้น ทั้งหมด ไม่ได้เป็นของดั้งเดิม อย่างแบบที่เราไปเที่ยวอัมพวา

สร้างมาให้เที่ยว สร้างมาให้ถ่ายรูปครับ ซึ่งก็มีหลายแห่งจริงๆ วันนี้ แปะมาแค่นี้ก่อน รอติดตามตอนต่อไปนะครับ